เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell)
เป็นอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า
โดยการนำสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิกอนซึ่งมีราคาถูกที่สุดและมีมากที่สุดบน
พื้นโลก มาผ่านกร...
- คำถามเรื่องไฟฟ้าที่คุณอยากรู้
คำถามเรื่องไฟฟ้าที่คุณอยากรู้ - สาระน่ารู้ เพื่อที่อยู่อาศัย
ในชีวิตประจำวันของคนเรา ส่วนใหญ่ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่ง
พลังงานสำคัญในการดำเนินชีวิต แต่มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะให้ความ
สนใจเรื่องไฟฟ้าที่ใช้กันอยู่ภายในบ้าน เพราะเมื่อพูดถึงไฟฟ้าแล้ว เรามัก
รู้สึกว่าเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนและอันตราย ต้องอาศัยผู้มีความรู้ความ
ชำนาญเท่านั้นจึงจะหยิบจับหรือทำได้
หาก เรามีความเข้าใจเพียงพอ มีความระมัดระวัง และรู้จักการ
ทำงานที่ปลอดภัยแล้ว มือสมัครเล่นอย่างเราๆก็สามารถซ่อมแซม
หรือ เปลี่ยนสวิตช์ ปลั๊ก หลอดไฟ หรือแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง
ซึ่งช่วยประหยัดเงินและเวลาในการหาช่างมาซ่อมแซมด้วย ฉบับนี้คอลัมน์
"ช่างในบ้าน" รวบรวมคำถามเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าในบ้านที่อาจค้างคาใจ
ใคร หลายคนมาตอบครับ
1. Q: มิเตอร์ไฟบ้านมีขนาด 5 แอมแปร์ เปิดเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องพร้อมกันได้หรือไม่
A: ไม่ได้ เนื่องจากมิเตอร์ไฟมีขนาดเล็กเกินไป (ไฟฟ้าอาจดับทั้งบ้านหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้) ปกติมิเตอร์ไฟในบ้านทั่วไปที่การ
ไฟฟ้ามาติดตั้งให้จะกำหนดขนาดการใช้กระแสไฟ ไว้ประมาณ 5 แอมแปร์ (5A) และจะเผื่อการใช้งานไว้อีกประมาณสามเท่า แต่เครื่อง
ปรับอากาศที่เจ้าของบ้านซื้อมาเพิ่มเติมภายหลังจะใช้กระแสไฟฟ้า มากเกิน15 แอมแปร์ที่เผื่อไว้ ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องใช้เครื่องปรับ
อากาศ 2 เครื่องพร้อมกันเป็นประจำ ให้ติดต่อที่การไฟฟ้าในเขตพื้นที่ของท่าน เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเปลี่ยนมิเตอร์ไฟเป็นขนาด
15 แอมแปร์จะปลอดภัยกว่า แต่เจ้าของบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง
2. Q: สายไฟฟ้ามีวันหมดอายุไหม
A: ฉนวนหรือเปลือกชั้นนอกที่ใช้หุ้มสายไฟฟ้า ปัจจุบันทำจากพีวีซี ซึ่งมีความแข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน ปกติถ้าเราไม่ใช้
กระแสไฟมากเกินกว่าขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ หรือหนูไม่มากัดแทะสายไฟ สายไฟที่ได้มาตรฐานจะมีอายุการใช้งานไม่น้อย
กว่า15-20 ปี แต่ถ้าปล่อยให้ถูกกระแทก ตากแดดตากฝน หรือโดนรังสียูวีเล่นงานเป็นประจำ สายไฟจะมีอายุการใช้งานไม่เกิน10 ปี
แต่ถ้าเดินสายไฟแบบร้อยท่อก็พอช่วยยืดอายุการใช้งานของสายไฟได้นานถึง 30 ปีทีเดียว
3. Q: ระหว่างเครื่องทำน้ำร้อนที่ใช้ไฟฟ้ากับเครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ อะไรถูกกว่ากัน
A: เครื่องทำน้ำร้อนที่ใช้ไฟฟ้า ตัวเครื่องมีราคาถูกกว่า (เฉลี่ยหลักหมื่นต้นๆ) ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของถังเก็บน้ำร้อน ติดตั้งและดูแล
รักษาง่ายกว่า แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟฟ้าตามมาส่วน เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ ตัวเครื่องมีราคาสูงกว่า (เริ่มต้น
ประมาณ 50,000 บาท) การติดตั้งและการบำรุงรักษาจะยุ่งยากกว่า เพราะส่วนใหญ่จะติดตั้งไว้บนหลังคา แต่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
โดยลงทุนครั้งแรกเพียงครั้งเดียว แต่ได้พลังงานสะอาดและไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้าตลอดชีพ เหมาะกับบ้านหรือที่พักอาศัยที่มีห้องน้ำ
ตั้งแต่ 2ห้องขึ้นไปและใช้งานเป็นประจำ สำหรับระยะเวลาคุ้มทุนประมาณ 5 ปีขึ้นไป
4. Q: เมื่อเลิกใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว ต้องปิดตรงไหนบ้างมีหลายปุ่มเหลือเกิน
A: จริงๆแล้วถ้าจะปิดให้กดปุ่ม Off ที่ตัวเครื่องก็พอ ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ถ้าติดตั้งตามที่ผู้ผลิตแนะนำ* แต่จะยังคงมีกระแส
ไฟเข้าไปเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะให้ประหยัดจริงๆ ต้องสับสวิตช์เบรกเกอร์ ในกรณีบ้านใหม่ที่ไม่มีเบรกเกอร์อยู่ใกล้ๆกับเครื่องก็ให้กด
ปุ่ม Test ที่ข้างๆเครื่อง ปุ่มนี้จะตัดไฟไม่ให้เข้าไปในเครื่อง เมื่อต้องใช้ใหม่ให้กดปุ่ม Reset ครับ *ติดตั้งสายดิน
5. Q: ไฟดูดเราได้อย่างไร ทำไมเราจึงติดจนแยกไม่ออก
A: จริงๆไฟฟ้าไม่ได้ดูดเราไปติด แต่กระแสไฟฟ้าที่เข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากๆจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง จนเราไม่สามารถควบคุมสั่ง
การตัวเองให้แยกออกมาได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามือกำสายไฟอยู่ก็จะแบมือไม่ออก และในที่สุดก็...
6. Q: สวิตช์สามทางคืออะไร
A: คือสวิตช์ที่ใช้ควบคุมดวงไฟจากจุดที่ควบคุม 2 แห่ง มีรูปร่างหน้าตาเหมือนสวิตช์ทั่วไป การใช้งานจะใช้สวิตช์ 2 ตัว เพื่อเปิดปิด
หลอดไฟเพียงจุดเดียว โดยเฉพาะแสงสว่างที่บริเวณบันได (บางท่านจึงเรียกว่า "สวิตช์บันได") สำหรับบ้านสองชั้นจะติดตั้งสวิตช์ไว้
ที่ชั้นล่างหนึ่งตัว และชั้นบนอีกหนึ่งตัว สามารถเปิดปิดจากสวิตช์ตัวไหนก็ได้ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะการขึ้นลง
บันไดในยามค่ำคืน
7. Q: เราสามารถเสียบต่อปลั๊กพ่วงได้มากน้อยเพียงใด
A: ปลั๊กพ่วงแต่ละรุ่นมีขีดความสามารถในการทนต่อกระแสไฟฟ้าไม่เท่ากัน โดยจะเขียนติดไว้กับตัวปลั๊กเลย เช่น 10 แอมแปร์ ก็แสดง
ว่าไม่ควรต่อไฟเกิน 10 แอมแปร์ ถ้าใช้มากกว่านี้ฟิวส์จะขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนสูงจนไฟไหม้ ไม่แนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงแบบ
ไม่มีฟิวส์และสวิตช์เปิดปิดเด็ดขาด โดยเฉพาะแบบเก่า (ลักษณะกลมๆ) ที่ม้วนเก็บสายได้ เพราะนอกจากไม่มีฟิวส์แล้ว เต้ารับยังหลวม
เป็นอันตรายมาก อีกอย่างที่ไม่ควรทำคือนำปลั๊กอื่นมาพ่วงต่อจากปลั๊กพ่วงอีกที...อย่าทำนะ ครับ
8. Q: ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างในบ้านอัตโนมัติ (Automation Home) ต้องใช้งบประมาณเท่าไรจึงติดตั้งได้
A: เริ่มต้นประมาณ 50,000 บาท สำหรับคอนโดมิเนียมหรือบ้านขนาด 1-2 ห้องนอน สามารถสั่งเปิดปิดไฟ หรี่ไฟ ม่านปรับแสง เครื่อง
ใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศและช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และหากเพิ่มงบประมาณอีกหน่อยก็สามารถเชื่อมต่อกับระบบ
สัญญาณกันขโมย แต่ถ้ามีงบประมาณมาก เราสามารถทำบ้านธรรมดาๆให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะได้ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ เสริมต่างๆ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระบบอื่นๆ อาทิ สามารถสั่งงานผ่านทางโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ภายใน
บ้าน หรือเข้าไปตรวจสอบการทำงานของระบบป้องกันภัย รวมทั้งเลือกดูภาพต่างๆได้จากทุกแห่งในโลกที่คุณไปผ่านระบบกล้อง
วงจรปิดได้ด้วย แบบนี้ราคาอยู่ที่หลักหลายแสนบาท
9. Q: ไฟเลี้ยงวงจรของโทรทัศน์ เครื่องเสียง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ กินไฟหรือไม่
A: กินไฟทั้งนั้นแต่ว่าน้อยมากๆในความรู้สึกของผู้ใช้ (เสียค่าไฟเพิ่มขึ้นแลกกับความสะดวกสบายในการใช้งาน) แต่อย่าลืมว่า แม้เรา
จะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆด้วยรีโมทคอนโทรลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีไฟเลี้ยงวงจรอยู่ตลอดเวลา จึงมีส่วนทำให้อุปกรณ์ต่างๆภายในเกิด
การชำรุดเสียหายได้ ดังนั้นเพื่อความประหยัดทั้งพลังงานและเงินในกระเป๋าสตางค์ของท่าน ให้ปิดโทรทัศน์ที่ปุ่มเปิดปิดของตัว
เครื่อง และให้ถอดปลั๊กไฟออกหรือปิดสวิตช์ไฟแสดงสถานะของสายต่อพ่วงทุกครั้งที่เลิก ใช้งาน หากเราทุกคนลดการใช้พลังงานนี้
ได้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานรวม กันได้นับร้อยล้านบาทต่อปี
10. Q: มีสายล่อฟ้าแล้ว...เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองต้องทำอย่างไรกับโทรทัศน์อีกหรือไม่
A: การมีอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าแล้ว ไม่ได้หมายความว่าโทรทัศน์จะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเรายังเปิดโทรทัศน์อยู่หรือปิดโทรทัศน์
แล้วแต่ยังไม่ได้ถอดปลั๊กออก เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูงเมื่อมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากได้รับแรงดันและกระแสไฟเกิน
อย่างกะทันหัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของท่านเอง ขณะที่มีฝนฟ้าคะนองให้ปิดโทรทัศน์ และถอดปลั๊กไฟออก
จากเต้ารับที่ผนังหรือปลั๊กพ่วง และถอดสายอากาศออกจากตัวเครื่องทุกครั้ง เพื่อป้องกันโทรทัศน์ได้รับความเสียหาย รวมถึงอุปกรณ์
และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์แบบไร้สาย เป็นต้น
11. Q: โวลท์,แอมป์,วัตต์ คืออะไร
A: โวลท์ (volt หรือ V) คือ หน่วยที่ใช้เรียกเพื่อบอกขนาดของแรงดันไฟฟ้าในบ้าน อาทิ 220 V หมายถึง ขนาดของแรงดันไฟฟ้า
เท่ากับ 220 โวลท์ (ประเทศไทยก็ใช้ไฟระบบนี้)แอมแปร์หรือแอมป์ (ampere หรือ A) คือ หน่วยที่ใช้เรียกสำหรับบอกปริมาณของ
กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวนำ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้านั่นเอง อาทิ 5 A หมายถึง ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเท่ากับ 5 แอมแปร์
วัตต์ (watt หรือ W) คือ หน่วยวัดกำลังไฟฟ้าที่เป็นตัวบอกพลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ละชนิดใช้ในการทำงาน
เช่น หลอดไฟ 100 วัตต์ หมายความว่า หลอดไฟดวงนี้กินไฟ 100 วัตต์ต่อชั่วโมงนั่นเอง
12. Q: มีสายดินแล้ว...ต้องติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วอีกหรือไม่
A: สายดินเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องมีไว้ป้องกันไฟดูด เพื่อให้กระแสไฟที่รั่วไหลลงดินได้สะดวก โดยไม่ผ่านร่างกาย
เรา (ไฟไม่ดูด) ส่วนเครื่องตัดไฟรั่วมีหน้าที่ตัดกระแสไฟรั่วก่อนที่จะเป็นอันตรายกับมนุษย์ (ไฟดูด) และช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้า
ลัดวงจร จนอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ดังนั้นระบบไฟฟ้าที่ดี จึงควรมีทั้งระบบสายดินและเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อเสริม
การทำงานซึ่งกันและกันให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
13. Q: มีหลอดฟูลออเรสเซนต์ที่ไม่ใช้แบลลัสต์และสตาร์ตเตอร์ไหม
A: มีครับ แต่ผู้ผลิตจะจำหน่ายในรูปแบบของชุดหลอดไฟสำเร็จรูป มีให้เลือกใช้ทั้งแบบหลอดผอมและหลอดกลม ทำงานด้วยชุดวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้หลอดไฟมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เปิดปุ๊บสว่างปั๊บและหลอดไม่กะพริบ กินไฟน้อย ช่วยประหยัดไฟประมาณ
30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีราคาสูงกว่าชุดรางสำเร็จรูปทั่วไป
14. Q: Day Light , Warm White และCool White คืออะไร
A: ปัจจุบันหลอดไฟแสงสว่างส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมาจำหน่ายมี 3 โทนสีด้วยกัน ได้แก่ Day Light, Warm White และ Cool White
ซึ่งหลอดไฟแต่ละสีก็จะให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป ดังนี้
-Day Light ให้แสงไม่มีสีคล้ายแสงธรรมชาติในเวลากลางวัน
- Warm White ให้แสงที่เป็นสีเหลืองนวล ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่น
-Cool White ให้แสงที่เป็นสีฟ้าขาว ดูเย็นตา แต่จะทำให้สีจริงของวัตถุผิดเพี้ยนไป
ดัง นั้นก่อนเลือกซื้อหลอดไฟมาใช้ จึงควรอ่านฉลากที่ข้างกล่อง เพื่อให้ได้แสงไฟที่ตรงกับลักษณะการใช้งาน และช่วยสร้าง
บรรยากาศที่ดีให้กับห้องต่างๆภายในบ้าน
15. Q: การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในบ้านด้วยตนเองควรทำอย่างไร
A: เริ่มด้วยการทดสอบมิเตอร์ไฟก่อน โดยปิดสวิตช์ไฟฟ้าทุกจุด รวมทั้งถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆออกให้หมด แล้วไปดูมิเตอร์ไฟที่
หน้าบ้านว่าเฟืองเหล็กยังหมุนอยู่หรือไม่ หากยังหมุนอยู่แสดงว่ามีกระแสไฟรั่ว จากนั้นให้ดูเมนสวิตช์ว่ามีมดหรือแมลงเข้าไปทำรังในตู้
หรือเปล่า คัตเอ๊าต์หรือเบรกเกอร์ยังสามารถใช้ปลดวงจรไฟฟ้าได้หรือไม่ ส่วนสายไฟและเต้ารับให้ดูว่ามีส่วนใดชำรุดเสียหายบ้าง โดย
เฉพาะสายไฟที่ซ่อนอยู่บนฝ้าเพดาน อาจเปื่อยกรอบเนื่องจากผ่านการใช้งานมานาน หรือถูกพวกหนูและแมลงสาบกัดแทะจนสาย
ขาด ถ้าพบความเสียหายก็ต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
16. Q: หลอดตะเกียบประหยัดไฟกว่าหลอดไส้กี่เท่า
A: หลอดตะเกียบในที่นี้หมายถึง หลอดฟูลออเรสเซนต์ขนาดเล็กที่มีการพัฒนาเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน โดยใช้แทนหลอดไส้
ได้ มีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้ประมาณ 6-8 เท่า และใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า โดยจะช่วยประหยัดไฟได้ 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่อายุ
การใช้งานของหลอดก็ขึ้นอยู่กับสภาพการติดตั้ง เช่น การระบายความร้อนเป็นอย่างไร แรงดันไฟฟ้าสม่ำเสมอดีหรือไม่
*ตารางเปรียบเทียบการให้แสงสว่างของหลอดตะเกียบกับหลอดไส้ธรรมดาที่ให้แสงสว่างเท่ากัน
หลอดตะเกียบ หลอดไส้ธรรมดา
9 W 40 W
13 W 60 W
18 W 75 W
25 W 100 W
การ เลือกซื้อหลอดประหยัดไฟให้คุ้มค่า ให้สังเกตปริมาณการส่องสว่าง(ลูเมนต่อวัตต์) ที่ข้างกล่องบรรจุ เนื่องจากหลอดไฟในแต่ละ
รุ่นจะมีค่าไม่เท่ากัน ส่งผลให้ราคาแตกต่างกัน โดยให้เลือกรุ่นที่มีประสิทธิภาพพลังงานในการส่องสว่างสูงไว้ก่อนนะครับ
17. Q: เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ควรมีไว้ติดบ้าน...มีอะไรบ้าง
A: ค้อนช่างไฟ ใช้ตอกตะปู สำหรับการเดินสายแบบรัดคลิป หรือติดตั้งกล่องต่อสายต่างๆ
คีมตัด ใช้สำหรับตัดสายและตกแต่งปลายท่อร้อยสายไฟที่ขรุขระให้เรียบร้อย
คีมปอกสายไฟ ใช้งานได้ทั้งปอกสายและตัดสายไฟ
คีมปากจิ้งจก ใช้จับยึดชิ้นงานที่มีขนาดเล็กหรืออยู่ในที่แคบ
ไขควงวัดไฟ ใช้ทดสอบวงจรไฟฟ้า
ตลับเมตร ใช้วัดระยะในกรณีที่มีการเดินสายหรือติดตั้งสวิตช์และเต้ารับ
เทปพันสายไฟ ใช้พันรอยต่อของสายไฟ
เครื่อง มือและอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีติดบ้านไว้ทุกชิ้น อาจดูจากความถนัดหรือความคล่องตัวในการใช้งานน่าจะเหมาะ
สมกว่า แล้วอย่าลืมกฎสำคัญในการทำงานไฟฟ้าคือ ต้องถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือปลดเมนสวิตช์ทุกครั้ง ในบริเวณที่เราจะทำงาน
ด้วย
18. Q : ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศมาล้างด้วยหรือ
A: การดูแลเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟและส่งผล
ดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศครั้งใหญ่ควรทำอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ทั้งคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน
หรือชุดระบายความร้อนที่ตั้งอยู่ภายในห้อง โดยช่างผู้ชำนาญเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ภายหลังการล้างเครื่อง บ่อย
ครั้งมักเกิดน้ำหยดหรือรั่วออกมาจากแผงคอยล์เย็น เพราะช่างอาจหลงลืมการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ทำให้เกิดน้ำรั่วหรือเกิดเสียง
จากการสั่นของเครื่องได้ เนื่องมาจากการประกอบชิ้นส่วนไม่ดี ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คในจุดต่างๆให้แน่ใจก่อนช่างจะจากไปนะครับ
19. Q: ทิ้งหลอดไฟเป็นภัยกับสิ่งแวดล้อมไหม
A: เป็นภัยต่อชีวิตและเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอน เพราะหลอดไฟเป็นขยะที่ไม่ย่อยสลายและเผาไม่ได้ (เผาแล้วก่อให้เกิดมลพิษ)
ต้องผ่านกระบวนการกำจัดหลอดไฟอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ไปทำลายสิ่งแวดล้อมและชั้นบรรยากาศของโลก โดย
จำเป็นต้องจัดการคัดแยกหลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆออกจากขยะในครัวเรือน ประเภทอื่น โดยต้องห่อกระดาษหนังสือพิมพ์หรือ
กล่องที่ใส่มาตอนซื้อ และเขียนกำกับไว้ด้วยว่าเป็น "หลอดไฟ"(เจ้าหน้าที่จัดเก็บจะได้เห็นและใช้ความระมัดระวังมากขึ้น) ตอนนี้มีบาง
บริษัทมีโครงการรีไซเคิลหลอดไฟ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีมากต่อสภาพแวดล้อม แต่ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควรครับ
20. Q: เมื่อเกิดเพลิงไหม้จากไฟฟ้าต้องทำอย่างไรและใช้อะไรดับ
A: หากพบประกายไฟที่จะก่อให้เกิดอัคคีภัย ให้เตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงให้พร้อม การดับเพลิงที่เกิดจากไฟฟ้า ต้องใช้ถังดับเพลิงที่ใช้
ดับไฟที่เกิดจากไฟฟ้าโดยเฉพาะเท่านั้น อย่าใช้น้ำดับไฟเป็นอันขาด เพราะน้ำเป็นสื่อไฟฟ้า (ยกเว้นในกรณีที่ปลดวงจรไฟฟ้าแล้ว
สามารถใช้น้ำดับได้) ถังดับเพลิงที่ใช้ดับเพลิงไหม้จากไฟฟ้าจะมีเครื่องหมายระบุว่าใช้ดับไฟได้ สังเกตที่ข้างถังจะระบุเป็นตัวอักษร
"C" (ชนิด Aใช้ดับเพลิงพวกไม้และกระดาษ,ชนิด B ใช้กับไฟที่เกิดจากน้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ)
ที่มา : tunva4462.blogspot.com/
-
-
เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าคืออะไร เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าหรือInverterเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ ถือว่ามีความสำคัญที่สุด และ มีความซับซ้อนเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้านี้ มีหน้าที่ แปลงไฟฟ...
-
เครื่องควบคุมการประจุ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า Charger controller บ้างก็ใช้ Charge regulator ชื่อก็บอกอยู่ชัดเจนว่าหน้าที่คือ ประจุไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผง เซลล์แสงอาทิตย์ลงในแบตเตอร...
-
แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ (Battery) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดเก็บพลังงานเพื่อไว้ใช้ ต่อไป ถือเป็นอุปกรณ์ที่สามารถแปลงพลังงานเคมีให้เป็นไฟฟ้าได้โดยตรง ด้วยการใช้เซลล์กัลวานิก (galvanic ...
-
โซลาร์เซลล์ (SOLAR CELL) 1. อยากติดโซลาร์เซลล์ที่บ้าน เพื่อลดค่าไฟฟ้าจะคุ้มหรือไม่ จุดคุ้มทุนกี่ ปี่? ตอบคุ้มแน่นอนครับ เมื่อคืนทุน 7-9 ปีในการช่วยลดค่าไฟฟ้า ด้วยอายุการ ทำงานของแ...
-
การเลือกใช้งานไฟฟ้าอย่างเหมาะสม สายไฟมีหน้าที่เป็นตัวนำไฟฟ้าโดยที่เป็นโลหะหรือวัสดุที่ยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ดีหรือเป็นสื่อในการส่งกระแสไฟฟ้าจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง เปรีย...
-
Energy Meter ( Watt hour meter ) การวัดและเครื่องวัดพลังงาน เมื่อเราคำนวณกำลังที่สูญเสียในโหลดในช่วงเวลาที่กำหนดเราจะได้รับ พลังงานงานที่ใช้ไปซึ่งเขียนได้ในรูป เมื่อวัดช่ว...
-
Grid Tie Inverter ระบบ On Grid System หรือ Grid Tie Inverter เป็นระบบที่เชื่อมต่อโซ ล่าเซลล์เข้ากับสายส่งไฟฟ้าเพื่อขายไฟฟ้าคืนให้การไฟฟ้าหรือช่วย ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ อุปกณ์ที่เกี่ยว...
-
โซล่าเซลล์ (Solar cell) โซล่าเซลล์ คืออุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็น พลังงานไฟฟ้า โซล่าเซลล์จะมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงที่สุดในช่วง เวลากลางวัน พลังงานไฟฟ้าที...
-
หลักการทำงานและชนิดของ UPS เข้าชมสินค้าได้ที่นี่ รุ่นขนาด 1Kw , รุ่นขนาด 2Kw , รุ่นขนาด 3Kw , รุ่นขนาด 6Kw ตามมาตรฐาน EN 50091-3 / IEC 62040-3 สามารถแบ่ง UPS ออกเป็น ...
-
Power Factor (PF.) คืออะไร? สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม อาคารขนาดใหญ่หรือผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟฟ้าระบบ 3 เฟสที่มีการใช้กำลังงานมากกว่า 30 kW ขึ้นไปในบิลเรียกเก็บค่าไฟฟ้าที่ได้รับใน...
-
ความหมายของ IP (Ingress Protection) ความหมายของระดับการป้องกันที่ใช้กัน หรือ IP (Ingress Protection) เป็น ค่าที่กำหนดค่ามาตรฐานของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆ ในการป้องกันอันตราย จาก ของแข็ง...
-
การคำนวณปริมาณไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ตัวอย่างบ้านหลังหนึ่ง ใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าดังนี้ 1.หลอดฟลูออเรสเซนต์18วัตต์ 2หลอดรวม 36วัตต์แต่ละ หลอดใช้ไฟฟ้า ทั้งหมด6ชั่วโมง จะใช้ไฟฟ้า...
-
สูตร การคำนวณค่าทางไฟฟ้ากระแสสลับ A = KW x 1000 / Vx P.F. (1 Phase) A = KW x 1000 / 1.732 x Vx P.F. (3 Phase) KW. = A x V x P.F. / 1000 (1 Phase) KW. = A x V x 1.732 x P.F. / 100...